“ภาวะโลกร้อน” หนึ่งในปัญหาที่ทั่วโลกพยายามหาทางรับมือมาตลอดหลายสิบปี โดยมีสาเหตุหลักคือปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้อุณหภูมิโลกเพิ่มสูงขึ้น, สภาพอากาศมีความแปรปรวน กระทบต่อการดำรงชีวิตต่าง ๆ ทั้งมนุษย์ พืช และสัตว์
แม้ว่าปัญหาภาวะโลกร้อนเป็นสิ่งที่ประชาคมโลกกำลังหาทางแก้ไข ในขณะเดียวกันเรายังสามารถร่วมเป็นส่วนเล็ก ๆ ของการลดโลกร้อนได้ โดยบทความนี้จะพามาทำความเข้าใจกับภาวะโลกร้อน รวมถึง 10 วิธีน่ารู้ ซึ่งสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างพื้นฐานเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ในระยะยาว
ภาวะโลกร้อน เกิดจากอะไร?
ภาวะโลกร้อน คือปรากฏการณ์ที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือนกระจก (Greenhouse Effect) จนส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและสภาพอากาศ โดยมีสาเหตุจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์ และคลอโรฟลูโรคาร์บอน (CFC) ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับรังสีความร้อนที่จะลอยขึ้นไปสะสมบนชั้นบรรยากาศ ประกอบกับการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งไม่ต่างจากการลดประสิทธิภาพกลไกดูดซับก๊าซเหล่านี้ตามธรรมชาติ
10 วิธีลดโลกร้อน มีอะไรบ้าง?
แม้ภาวะโลกร้อนจะเป็นปัญหาระดับสากล แต่เราสามารถเริ่มต้นได้จากภาคครัวเรือนและชุมชน เพื่อเป็นรากฐานพร้อมปลูกฝังแนวคิดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาผลกระทบ ซึ่งเราสามารถทำได้เองด้วย 10 วิธีต่อไปนี้
1. ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น
หนึ่งในวิธีลดภาวะโลกร้อนที่ง่ายที่สุด คือการปิดไฟ ปิดเครื่องและถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้เสร็จ โดยเหตุผลหลักคือลดการใช้และผลิตพลังงานเกินความจำเป็น เพราะการผลิตไฟฟ้าหลายแห่งยังคงใช้การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่นถ่านหิน น้ำมัน หรือก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
นอกจากนี้ แม้เสียบปลั๊กทิ้งไว้โดยไม่ได้ใช้งาน อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ยังคงใช้กระแสไฟตลอดเวลา ดังนั้น การถอดปลั๊กอุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้จะช่วยลดการใช้พลังงานแฝงได้
2. ลดการใช้ถุงพลาสติก
ถุงพลาสติก เป็นหนึ่งในขยะที่สามารถสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้หลากหลายมิติ ตั้งแต่การใช้น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต ก่อนจะผ่านกระบวนการเป็นเม็ดพลาสติกเพื่อนำไปแปรรูป ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้ล้วนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศทั้งสิ้น อีกทั้งถุงพลาสติกเป็นขยะที่ไม่สามารถกำจัดได้ตามธรรมชาติ เพราะใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 400-1,000 ปี หากทิ้งลงทะเลหรือฝังดิน อาจเกิดการปนเปื้อนไมโครพลาสติก หรือหากนำไปเผาก็จะทำให้เกิดมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศได้
เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก เราสามารถนำถุงกลับมาใช้ใหม่ หรือนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่น เช่น ปูรองกระถางต้นไม้ หรือเป็นถุงคัดแยกขยะ นอกจากนี้เราสามารถเลี่ยงการใช้ถุงพลาสติก ด้วยการพกถุงผ้า หรือไม่รับถุงเมื่อซื้อสินค้าชิ้นเล็ก
3. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดเติม
บรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ในปัจจุบันล้วนผลิตจากวัสดุพลาสติก อาทิ ขวดแชมพู สบู่เหลว โลชั่น หรือน้ำยาซักผ้า เป็นต้น หากใช้จนหมดแล้วก็ต้องซื้อขวดใหม่มาทดแทน ส่วนขวดเก่าก็จะกลายเป็นขยะพลาสติกต่อไป แต่ถ้าเปลี่ยนจากการซื้อใหม่ทั้งขวดมาเป็นแบบถุงเติม (Refill) ที่ใช้ปริมาณพลาสติกน้อยกว่าแทน ก็จะช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกได้อีกทาง
4. แยกขยะให้ถูกประเภทก่อนทิ้ง
ขยะจากครัวเรือนและอุตสาหกรรมมีหลายประเภท ทั้งขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล รวมถึงขยะอันตรายจากอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งส่วนใหญ่มักไม่ได้แยกประเภทก่อนทิ้ง ทำให้ต้องใช้เวลาในการคัดแยก หรือบางครั้งอาจถูกนำไปกำจัดรวมกันด้วยการเผา ก่อให้เกิดมลภาวะ การคัดแยกขยะก่อนทิ้งจะช่วยให้สามารถกำจัดตามประเภทได้ง่ายขึ้น และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ ขยะบางชนิด เช่น กระดาษ แก้ว โลหะ และพลาสติก สามารถนำกลับมารีไซเคิล เพื่อลดการปนเปื้อนสู่ธรรมชาติ และช่วยลดภาวะโลกร้อนได้ในหลายมิติ
5. ใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน LED
เรามักคุ้นเคยกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ในฐานะหลอดประหยัดไฟ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันมายาวนาน แต่ปัจจุบันมีตัวเลือกใหม่อย่างหลอด LED ที่คุ้มค่าและประหยัดพลังงานมากกว่า
เมื่อนำมาเปรียบเทียบที่ค่าความสว่าง 2,400 ลูเมน หลอดฟลูออเรสเซนต์ใช้กำลังไฟประมาณ 36 วัตต์ มีอายุการใช้งานราว 8,000–10,000 ชั่วโมง ข้อเสียคือภายในบรรจุสารอันตราย เช่น ปรอท ฟอสเฟอร์ และแก๊สเฉื่อยอย่างอาร์กอนหรือคริปตอน อีกทั้งยังแผ่ความร้อนค่อนข้างมาก
ขณะที่หลอด LED ใช้กำลังไฟประมาณ 14–18 วัตต์ (สำหรับความสว่าง 2,400 ลูเมน) ใช้งานได้นานถึง 15,000–50,000 ชั่วโมง ปล่อยความร้อนน้อยมาก และไม่ใช้สารอันตรายในการผลิต
นั่นจึงทำให้หลอด LED เป็นตัวเลือกที่ช่วยลดโลกร้อนได้ดีกว่า และยังช่วยลดค่าไฟในครัวเรือนได้อีกด้วย
6. หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
ควันไอเสียจากยานพาหนะที่ใช้ระบบสันดาปภายใน ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ยิ่งจำนวนรถยนต์ส่วนตัวเพิ่มขึ้น ปริมาณก๊าซเหล่านี้ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
การส่งเสริมให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์หรือรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ถือเป็นวิธีลดโลกร้อนที่มีประสิทธิภาพ เพราะไม่เพียงลดก๊าซเรือนกระจกจากไอเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยบรรเทาปัญหาจราจรติดขัดได้อย่างยั่งยืน
7. ปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียว
ต้นไม้มีบทบาทเสมือนเครื่องกรองอากาศธรรมชาติ ด้วยคุณสมบัติในการดูดซับและแลกเปลี่ยนก๊าซ แต่เมื่อป่าไม้ลดลง ความสามารถในการดูดซับก๊าซพิษก็ลดลงตามไปด้วย ดังนั้น การปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อน แม้ไม่อาจทดแทนผืนป่าที่สูญเสียไปได้ทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว
8. ใช้สินค้าที่มีสัญลักษณ์รักษ์โลก
หนึ่งในวิธีลดโลกร้อนที่ง่ายที่สุด เพียงแค่มองหาสัญลักษณ์รับรองความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมบนสินค้าและอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5, Green Industry, ฉลากเขียว, Eco Label, Biodegradable และอื่น ๆ โดยสินค้าเหล่านี้จะเป็นผลิตภัณฑ์จากกระบวนการผลิตอย่างยั่งยืน ทั้งการลดมลพิษในการผลิต, ไม่ใช้พลังงานไฟฟ้าเกินความจำเป็น ตลอดจนการใช้วัสดุรีไซเคิลเพื่อลดปริมาณขยะ
9. เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด
ปัจจุบันนี้ น้ำมันและถ่านหินไม่ใช่ทางเลือกหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าอีกต่อไปแล้ว เพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้ทางเลือกในการผลิตไฟฟ้านั้นสะอาดและเปิดกว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยพลังงานน้ำ หรือ กังหันลม โดยเฉพาะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สามารถติดตั้งเพื่อใช้งานได้เองในครัวเรือน นอกจากไม่ก่อมลพิษแล้ว ยังช่วยลดรายจ่ายค่าไฟได้อีกด้วย
10. สนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวกับการลดโลกร้อน
นอกเหนือจากวิธีข้างต้นแล้ว ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยสนับสนุนการลดโลกร้อนได้อีกหลากหลายวิธี เริ่มจากจุดเล็ก ๆ อย่างการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า เช่น ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า, ใช้ดินสอกดแทนดินสอไม้, พกผ้าเช็ดหน้าแทนกระดาษทิชชู, ใช้กระติกเติมน้ำแทนการซื้อน้ำขวดใหม่ รวมถึงอีกหลายวิธี ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้และเผยแพร่ต่อผ่านแคมเปญรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนต่าง ๆ ได้

ผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อน
สิ่งที่เกิดจากภาวะโลกร้อนสามารถส่งผลกระทบในทุกมิติ ทั้งธรรมชาติ สัตว์ป่า มนุษย์ และเศรษฐกิจ โดยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีการป้องกันหรือบรรเทาปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งผลกระทบจากภาวะโลกร้อนมีดังนี้
อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้น
ก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศดูดซับความร้อนแทนที่จะสะท้อนกลับออกไป ทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทั้งมนุษย์และสัตว์ นอกจากนี้ อากาศที่ร้อนขึ้นยังเพิ่มการใช้เครื่องปรับอากาศ ซึ่งนำไปสู่การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น กลายเป็นวงจรที่เร่งให้ภาวะเรือนกระจกรุนแรงยิ่งขึ้น
ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
เมื่อโลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกจะละลาย ส่งผลให้น้ำทะเลค่อย ๆ สูงขึ้น กระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งหลายแห่ง โดยเฉพาะเกาะเล็ก ๆ หรือพื้นที่ลุ่มที่อาจจมหายในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เชื้อโรคโบราณซึ่งมนุษย์ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน อาจกลับมาระบาดได้อีกครั้ง
มลพิษทางอากาศเพิ่มสูงขึ้น
การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาอย่างยาวนาน ก่อให้เกิดการปล่อยมลพิษหลายชนิด ทั้งก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5/PM10 และสารอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) รวมถึงโอโซนใกล้ผิวโลก ซึ่งเป็นก๊าซที่สามารถทำลายระบบทางเดินหายใจเมื่อสูดดมในปริมาณมาก
เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรง
การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้น เช่น ฝนตกหนัก น้ำท่วมในบางพื้นที่ ภัยแล้งที่ส่งผลต่อการเพาะปลูก ตลอดจนพายุหลากหลายรูปแบบ ซึ่งล้วนก่อให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรง
ระบบนิเวศเสียสมดุล
สภาพอากาศและอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปนั้นสร้างผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แนวปะการังฟอกขาวจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น สัตว์ต่าง ๆ ไม่สามารถปรับตัวตามสภาพอากาศได้ทัน ตลอดจนการขาดแคลนอาหาร ส่งผลให้สัตว์บางชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
แม้ภาวะโลกร้อนจะเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือในระดับสากล โดยเฉพาะจากภาคอุตสาหกรรม แต่เรายังสามารถมีส่วนร่วมได้ ด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้และบริโภคให้สอดคล้องกับแนวทางลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยหนึ่งในวิธีเหล่านั้นคือการใช้ หลอดไฟประหยัดพลังงาน เช่น หลอดไฟ LED ซึ่งวิธีลดภาวะโลกร้อนที่ทำได้ง่าย เพราะหลอด LED ให้แสงคุณภาพดี ใช้พลังงานน้อย และไม่ปล่อยสารเคมีอย่างปรอทหรือก๊าซที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
Winner Light ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย พร้อมบริการติดตั้งเสาไฟถนน โคมไฟถนน เสาไฟถนนโซลาร์เซลล์ ซึ่งครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ที่พร้อมตอบโจทย์มาตรการประหยัดพลังงานได้อย่างครอบคลุม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616
Facebook: www.facebook.com/bangbonstation