3 ประเภทของระบบไฟโซล่าเซลล์ พลังงานทดแทนทางเลือกที่ใช่ของคนรุ่นใหม่

ระบบไฟโซล่าเซลล์
11
พ.ย.

หลายปีที่ผ่านมากระแสการใช้พลังงานทดแทนเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนทั่วไปมากขึ้น โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าทดแทนที่หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ๆ เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟให้กับธุรกิจของตัวเอง และบ้านพักอาศัย ระบบไฟโซล่าเซลล์ คือ ตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน มาทำความรู้จักระบบไฟโซล่าเซลล์ไปกับบทความนี้กัน! 

 
โซล่าเซลล์คืออะไร 
โซล่าเซลล์ (Solar Cell) หรือพลังงานแสงอาทิตย์ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์มาแปรสภาพให้เป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วนำไปใช้ได้ทันที โดยมีกระบวนการทำงาน คือ โซล่าเซลล์รับแสงแดดเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าแล้วปรับแรงดันไฟฟ้าที่ผลิตได้ด้วยเครื่องควบประจุให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากนั้นจึงแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ด้วย Inverter เพื่อนำไปใช้งานได้ทันที อีกทั้งพลังงานไฟฟ้าที่ได้ยังสามารถเก็บสำรองในแบตเตอรี่ได้อีกด้วย
 

ความแตกต่างของระบบไฟโซล่าเซลล์ประเภทต่างๆ 

พลังงานทดแทน อย่างโซล่าเซลล์เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดค่าไฟหรือคนที่ต้องการผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เอง โดยระบบโซล่าเซลล์มี 3 แบบที่ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับประเภทการใช้งานและสถานที่ ดังต่อไปนี้
 
1. ระบบผลิตไฟฟ้าที่มีการเชื่อมต่อกับการไฟฟ้า (On Grid)

เป็นระบบโซล่าเซลล์ที่รับพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ร่วมกับพลังงานกระแสไฟฟ้าจากการไฟฟ้า ทำให้ยังคงมีกระแสไฟฟ้าไว้ใช้งานในช่วงที่แสงแดดน้อย แต่ระบบไฟโซล่าเซลล์ On Grid ไม่มีการจัดเก็บกระแสไฟฟ้าส่วนที่ผลิตเกินไว้ แต่สามารถขายคืนให้กับการไฟฟ้าได้ ดังนั้นหากเกิดไฟดับระบบจะหยุดทำงานทันที
 
ระบบไฟโซล่าเซลล์ On Grid เหมาะกับผู้ที่ต้องใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวันเป็นส่วนใหญ่ โดยทั่วไปจะใช้ตามบ้านพัก หรือโรงงานอุตสาหกรรม 
 
ข้อดีของระบบไฟโซล่าเซลล์ On Grid คือ ราคาติดตั้งไม่แพง ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ระบบการติดตั้งไม่ซับซ้อน อุปกรณ์น้อย ช่วยลดค่าไฟได้ทันทีตั้งแต่เดือนแรกที่ติดตั้ง ทั้งยังสามารถขายไฟฟ้าส่วนเกินคืนให้การไฟฟ้าได้อีกด้วย 
 
ข้อจำกัดของระบบไฟโซล่าเซลล์แบบ On Grid คือ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เฉพาะช่วงกลางวันที่มีแสงแดดเท่านั้น ในช่วงกลางคืน หรือเมื่อเกิดเหตุไฟดับ รวมถึงในช่วงที่มีแสงน้อย เช่น ฤดูฝน ระบบจะไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากไม่มีแบตเตอรี่สำรองไฟฟ้า จึงอาจต้องเสียค่าไฟเพิ่มเติมในช่วงที่โซล่าเซลล์ไม่สามารถผลิตไฟได้ ทั้งนี้ การติดตั้งระบบ On Grid ยังจำเป็นต้องยื่นขออนุญาตจากการไฟฟ้า
 

2. ระบบผลิตไฟฟ้าที่สามารถสร้างพลังงานได้เองด้วยโซล่าเซลล์ (Off Grid)

เป็นระบบโซล่าเซลล์ที่รับพลังงานจากแสงอาทิตย์เพื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าโดยตรง และมีการจัดเก็บพลังงานไฟฟ้าส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่ ทำให้สามารถใช้ไฟฟ้าได้แม้ในช่วงกลางคืนหรือช่วงที่ไม่มีแสงแดด ถือเป็นรูปแบบการใช้พลังงานทดแทนโดยสมบูรณ์
 
ระบบไฟโซล่าเซลล์ Off Grid จะเติมแบตเตอรี่ และ Solar Charge Controller จะเข้ามาเพื่อแปลงกระแสไฟฟ้า และจ่ายกระแสไฟฟ้าให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
 
ระบบไฟโซล่าเซลล์ Off Grid เหมาะกับผู้ที่อยู่ห่างไกลที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง รวมถึงผู้ที่ต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าตลอดเวลา สามารถติดตั้งในบ้านพักอาศัยหรือสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการได้ เพียงแค่เลือกขนาดแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งานเท่านั้น
 
ข้อดีของระบบไฟโซล่าเซลล์ Off Grid ก็คือ ประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ทั้งหมด ทั้งยังมีพลังงานไฟฟ้าสำรองในแบตเตอรี่ไว้ใช้ได้ตลอดเวลา ระบบติดตั้งง่าย ดำเนินการได้เองโดยไม่ต้องขออนุญาต เหมาะอย่างยิ่งกับพื้นที่ห่างไกล  
 
ข้อจำกัดของระบบไฟโซล่าเซลล์ Off Grid คือ พลังงานไฟฟ้าส่วนเกินที่ผลิตได้ไม่สามารถขายคืนให้การไฟฟ้าได้ มีค่าซ่อมบำรุงแบตเตอรี่ทุก 5-10 ปี อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูง
 

3. ระบบผลิตไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Grid) 

เป็นระบบโซล่าเซลล์แบบ Hybrid ที่ผสมผสานข้อดีของระบบ On Grid และ Off Grid เข้าด้วยกัน โดยระบบจะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า พร้อมชาร์จพลังงานส่วนเกินเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เพื่อสามารถนำมาใช้ได้ในช่วงเวลาที่ไม่มีแสงอาทิตย์
 
ในเวลากลางวัน ระบบจะใช้ไฟจากแผงโซล่าเซลล์เป็นหลัก โดยพลังงานส่วนเกินสามารถขายคืนให้การไฟฟ้าได้ (เฉพาะในกรณีที่เป็นระบบ Hybrid On Grid) ส่วนในเวลากลางคืน ระบบจะใช้ไฟจากแบตเตอรี่ก่อน และเมื่อพลังงานในแบตหมด จึงค่อยดึงไฟจากการไฟฟ้ามาใช้งาน ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่ไม่มีแสงแดด
 
ระบบ Hybrid Grid จึงเหมาะกับบ้านพักอาศัยหรือธุรกิจที่ต้องการความมั่นคงด้านพลังงาน เช่น พื้นที่ที่มีปัญหาไฟตกบ่อย หรือธุรกิจที่ต้องการลดค่าไฟในระยะยาว อีกทั้งยังช่วย เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์แทนการใช้ไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
 
จุดเด่นของระบบโซล่าเซลล์แบบ Hybrid คือ มีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องแม้ในช่วงไฟดับ และช่วยลดค่าไฟในระยะยาว เพราะใช้พลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์ ได้อย่างคุ้มค่า 
 
แม้ต้นทุนเริ่มต้นของระบบ Hybrid Grid จะสูงกว่าระบบทั่วไป เนื่องจากต้องมีอุปกรณ์เสริม เช่น แบตเตอรี่และอินเวอร์เตอร์ชนิดพิเศษ แต่สามารถคืนทุนได้ในระยะ 5–10 ปี ขึ้นอยู่กับขนาดระบบและการใช้งาน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ค่าไฟสูงหรือมีไฟฟ้าไม่เสถียร อีกทั้งระบบนี้จะช่วยให้การใช้พลังงานมีความมั่นคงและคุ้มค่ามากขึ้น
 

สปอร์ตไลท์โซล่าเซลล์  ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้ง และสว่างตลอดคืน 

สปอร์ตโซล่าเซลล์ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ที่ถูกพูดถึงมาโดยตลอด นิยมใช้เพื่อให้แสงสว่างในพื้นที่สาธารณะตอนกลางคืน หรือพื้นที่อื่นๆ ตามความต้องการ เช่น สนามกีฬา สนามเทนนิส สวนสาธารณะ อีกทั้งยังใช้งานได้ทันที ไม่ต้องเดินสายไฟ อาจมีการติดตั้งสวิตซ์ เปิด-ปิด เพื่อความสะดวกในการใช้งาน ซึ่งนอกจากจะช่วยเรื่องแสงสว่างแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ทิศที่เหมาะสมต่อการติดตั้งสปอร์ตไลท์โซล่าเซลล์ คือ ทิศใต้ เพราะตามหลักภูมิศาสตร์ประเทศไทย ทิศใต้คือ ทิศที่ได้รับแสงแดดมากที่สุดตลอดทั้งวัน การหันโซล่าเซลล์ ไปทางทิศใต้ทำให้แผงโซล่าเซลล์ได้รับแสงแดดเต็มที่อย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ใช้งานได้ตลอดเวลา 
 
จะเห็นได้ว่าพลังงานทดแทนอย่างการใช้ระบบไฟโซล่าเซลล์เป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างมาก ยิ่งในพื้นที่ห่างไกลที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง หรือมีปัญหาเรื่องไฟตก ไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอ ระบบไฟโซล่าเซลล์จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แม้จะมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสูงแต่ในระยะยาวถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อย่างยั่งยืน 
 
หากคุณคือผู้ประกอบการที่ต้องการติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ที่ได้มาตรฐาน บริษัท วินเนอร์ ไลท์ คอเปอร์เรชั่น จำกัด มีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษา และบริการติดตั้งระบบไฟโซล่าเซลล์แบบครบวงจร พร้อมบริการตรวจเช็กและซ่อมบำรุงหลังการขาย

ดูผลงานติดตั้งเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย 
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิกเลย!
 
นอกจากนี้ วินเนอร์ ไลท์ ยังมีสินค้าคุณภาพอีกหลากหลายประเภท เช่น หลอดไฟ LED, โคมไฟถนน และโคมไฟถนน LED ที่คัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ พร้อมให้บริการในราคายุติธรรม สนใจคลิกเลย!   
 
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616