ค่า CRI คืออะไร เท่าไหร่ถึงเหมาะสมกับโคมไฟถนน LED

โคมไฟถนน led ควรมีค่า CRI เท่าไหร่

หากขับรถไปตามท้องถนนในปัจจุบันจะเห็นว่า โคมไฟถนน ส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็น โคมไฟถนน LED แล้วแทบทั้งสิ้น เพราะมีค่า CRI (Color Rendering Index) หรือค่า Ra ดัชนีวัดค่าความถูกต้องของสีที่เกิดจากการส่องสว่างของหลอดไฟลงบนวัตถุต่างๆ ได้ถูกต้องแม่นยำกว่า โคมไฟถนน ที่ใช้หลอดโซเดียมความดันสูง (High Pressure Sodium) หรือหลอดโซเดียมความดันต่ำ (Low Pressure Sodium) ซึ่งให้แสงสว่างสีส้มที่ถูกใช้มาอย่างยาวนาน แล้วค่า CRI คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญกับโคมไฟถนน และโคมไฟประเภทต่างๆ 

ค่า CRI ใช้แสงอาทิตย์เป็นมาตรฐานกำหนดความถูกต้องของสี

CRI (Color Rendering Index) หรือค่า Ra คือดัชนีวัดค่าความถูกต้องของสีที่เกิดจากการส่องสว่างของหลอดไฟลงบนวัตถุต่างๆ มีค่าตั้งแต่ 0-100 ยิ่งตัวเลขสูงก็หมายถึงหลอดไฟนั้นให้ค่าแสงที่ทำให้ตาเรามองเห็นสีของวัตถุที่ส่องได้สมจริงเป็นธรรมชาติเหมือนกับ  การส่องด้วยแสงอาทิตย์นั่นเอง 

เหตุผลที่เลือกใช้แสงอาทิตย์เป็นแสงมาตรฐานในการวัดค่าความถูกต้องของสีที่ส่องลงบนวัตถุ เนื่องจากแสงอาทิตย์ประกอบด้วยสีหลักครบ 7 เฉดสี การที่เราเห็นแสงอาทิตย์สีขาวนั้น เกิดจากการผสมแสงแบบเชิงบวก (Additive) ของสีทั้ง 7 เฉด จึงทำให้เมื่อแสงอาทิตย์ส่องลงบนวัตถุใดๆ เราก็จะสามารถเห็นสีที่แท้จริงของวัตถุเหล่านั้นสะท้อนเข้าตาเราได้ครบทุกเฉดสี จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงใช้แสงอาทิตย์เป็นมาตรฐานของค่า CRI 

เหตุผลที่โคมไฟถนน LED มาแทนที่หลอดโซเดียมความดันสูง (High Pressure Sodium) หรือหลอดโซเดียมความดันต่ำ (Low Pressure Sodium) ในโคมไฟถนนปัจจุบัน

1. หลอดโซเดียมความดันสูง (High Pressure Sodium) มีแสงสว่างสีส้ม ให้ค่าความถูกต้องของสี หรือค่า CRI แค่ 26 เท่านั้น ซึ่งส่งผลต่อการมองเห็นของผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างแน่นอน 

2. หลอดโซเดียมความดันสูง (High Pressure Sodium) หรือหลอดโซเดียมความดันต่ำ (Low Pressure Sodium) ต้องใช้บัลลาสต์ทำให้กินไฟเพิ่มขึ้น 20-50 วัตต์ ส่งผลต่อต้นทุนค่าไฟ

3. หลอดโซเดียมความดันสูง (High Pressure Sodium) หรือหลอดโซเดียมความดันต่ำ (Low Pressure Sodium) ให้ความสว่างมากๆ ในช่วงแรก แต่เมื่อใช้งานไประยะหนึ่งแล้ว ความสว่างจะลดลงอย่างรวดเร็ว

4. อายุการใช้งานของโคมไฟถนนที่ใช้หลอดโซเดียมความดันสูง (High Pressure Sodium) หรือหลอดโซเดียมความดันต่ำ (Low Pressure Sodium) เฉลี่ย 20,000 ชั่วโมงเท่านั้น

จุดเด่นของโคมไฟถนน LED ดีกว่าโคมไฟถนนรุ่นเก่า

ประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า 60-80% ประสิทธิภาพการส่องสว่างสูง แต่กำลังวัตต์หรือค่ากำลังไฟกลับน้อยกว่า

  1. ให้ความส่องสว่างได้อย่างยาวนาน คุณภาพของแสงคงที่ ส่องสว่างสม่ำเสมอตลอดทั้งเส้นทาง
  2. ให้ค่า CRI ที่สูงถึง 70-95 Ra ช่วยให้ทัศนวิสัยตอนกลางคืนชัดเจน แม่นยำกว่าการใช้โคมไฟถนนแบบเก่าอย่างโคมไฟที่ใช้หลอดโซเดียมความดันสูง
  3. ให้มุมกระจายแสงเป็นวงกว้างพิเศษ จึงให้แสงสว่างเพียงพอเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่รถ ทั้งยังลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุและอาชญากรรมของผู้สัญจรไปมาได้อีกด้วย

 ข้อควรคำนึงถึงเมื่อเลือกใช้โคมไฟถนน LED 

หากท่านคือผู้ประกอบการรายใหม่ที่อยากติดตั้งโคมไฟถนนโดยเลือกใช้โคมไฟถนน LED ต้องพิจารณาข้อควรคำนึงต่อไปนี้ 

1.ความสว่างและมุมกระจายแสง

เมื่อเลือกใช้โคมไฟถนน LED เรื่องแรกที่ต้องพิจารณา คือประสิทธิภาพการส่องสว่างและมุมกระจายแสง ของโคมไฟถนนสาธารณะ ว่าเหมาะกับพื้นที่ติดตั้งหรือไม่ โดยมีรูปแบบการกระจายแสงที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • การกระจายแสงของโคมไฟถนน Type I (Roadway Light Distribution Pattern Type I)

จะถูกติดตั้งบนเสาไฟ ณ จุดกึ่งกลางหรือพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างเฉพาะจุด แสงสว่างจะมีลักษณะเป็นแนวยาว แคบ คล้ายๆ วงรี มีรัศมีแนวขนานถนนเป็น 1.0 เท่าของระยะความสูง เหมาะสำหรับทางเดินแคบๆ หรือแนวกำแพงรั้ว 

  • การกระจายแสงของโคมไฟถนน Type II (Roadway Light Distribution Pattern Type II)

จะถูกติดตั้งบนเสาไฟส่องสว่าง ณ บริเวณข้างทาง แสงสว่างจะมีลักษณะแนวยาว แคบ คล้ายๆ วงรี มีรัศมีแนวขนานถนนเป็น 1.5 เท่าของระยะความสูง เหมาะสำหรับถนนที่มีสองเลน ตรอก ซอย หรือทางเดินกว้างๆ 

  • การกระจายแสงของโคมไฟถนน Type III (Roadway Light Distribution Pattern Type III) 

จะถูกติดตั้งบนเสาไฟส่องสว่าง ณ บริเวณข้างทางเช่นเดียวกับ Type II แต่ถนนจะกว้างกว่า แสงสว่างจะมีลักษณะแนวยาว แคบ คล้ายๆ วงรี มีรัศมีแนวขนานถนนเป็น 2.75 เท่าของระยะความสูง เหมาะสำหรับพื้นที่เปิดที่มีบริเวณกว้าง เช่น ลานจอดรถ บริเวณมุมอาคารหรือทางแยก สวนหรือสนามหญ้า

  • การกระจายแสงของโคมไฟถนน Type IV (Roadway Light Distribution Pattern Type IV)

เป็นการกระจายแสงแบบสมมาตร จะถูกติดตั้งบนเสาไฟส่องสว่าง ณ บริเวณข้างทาง แต่ถนนจะกว้างมากกว่า Type II และ Type III แสงสว่างจะเป็นวงรี มีรัศมีแนวขนานถนนเป็น 2.75 เท่าของระยะความสูงการกระจายแสงครอบคลุมพื้นที่กว้าง เหมาะสำหรับพื้นที่เปิดที่มีบริเวณกว้าง เช่น ลานจอดรถขนาดใหญ่ หรือใช้เป็นไฟส่องสว่างนอกอาคาร  

  • การกระจายแสงของโคมไฟถนน Type V (Roadway Light Distribution Pattern Type V) 

จะถูกติดตั้งบนเสาไฟส่องสว่าง ณ ทางแยกที่เป็นวงกลม หรือพื้นที่ที่ต้องการกระจายแสงเป็นวงกลม เหมาะสำหรับการ กระจายแสงรอบทิศทาง เช่น ลานกว้างหรือทางแยกใหญ่ ลานจอดรถขนส่งสาธารณะ ลานจอดเครื่องบิน พื้นที่ขนส่งสินค้า 

2. ความสูงของเสาที่ติดตั้งโคมไฟถนน 

  • ความสูงของเสาอยู่ที่ 1 – 3 เมตร ควรเลือกใช้โคมไฟถนนไม่เกิน 50 W 
  • ความสูงของเสาอยู่ที่  4 – 6 เมตร ควรเลือกใช้โคมไฟถนน 50 – 100 W 
  • ความสูงของเสาอยู่ที่ 8 – 12 เมตร ควรเลือกใช้โคมไฟถนน 150 W ขึ้นไป

3. ระยะห่างระหว่างจุดติดตั้งโคมไฟถนน

ถูกติดตั้งไว้กับเสาไฟของการไฟฟ้า ซึ่งมีระยะห่างตั้งแต่ 10 เมตร – 20 เมตร 

  • ระยะห่างระหว่างเสาไฟน้อยกว่า 10 เมตร ควรเลือกใช้โคมไฟถนนไม่เกิน 50 W 
  • ระยะห่างระหว่างเสาไฟอยู่ที่ 10 – 15 เมตร ควรเลือกใช้โคมไฟถนนไม่เกิน 100 W 
  • ระยะห่างระหว่างเสาไฟอยู่ที่ 15 – 20 เมตร ควรเลือกใช้โคมไฟถนน 150 W ขึ้นไป

4. ค่ากำลังไฟฟ้า (วัตต์) (W) ของโคมไฟถนน

การเลือกค่ากำลังไฟหรือค่าวัตต์ (W) ให้เหมาะสมกับโคมไฟถนนโคมนั้นๆ ขึ้นอยู่กับความสูงและระยะห่างระหว่างจุดของเสาที่ติดตั้ง ทั้งยังต้องพิจารณาร่วมกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน 

จะเห็นได้ว่ามีหลักการที่ต้องพิจารณาอยู่ที่ค่า CRI ค่าความสว่างและมุมกระจายของแสง รวมไปถึงความสูงของเสาไฟและระยะห่างระหว่างเสาไฟที่ใช้ติดตั้งโคมไฟถนน ดังนั้นควรเลือกใช้ โคมไฟถนน LED ที่มีค่า CRI ที่สูงถึง 70-95 Ra ซึ่งใกล้เคียงกับค่าแสงธรรมชาติมากที่สุด อีกทั้งยังประหยัดไฟและทนทานกว่าโคมไฟถนนแบบเก่าอีกด้วย 

หากคุณคือผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ หลอดไฟ LED จำนวนมาก บริษัท วินเนอร์ ไลท์ คอเปอร์เรชั่น จำกัด มีสินค้าประเภท หลอดไฟ LED  โคมไฟถนน โคมไฟถนน LED และอื่นๆ มาพร้อมความหลากหลายของสินค้าและคุณภาพที่น่าพอใจ รอให้คุณสั่งซื้อ เราพร้อมให้บริการในราคายุติธรรม สนใจคลิกเลย! 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616

Email: sale_wlc@winnerlight.co.th
Facebook: www.facebook.com/bangbonstation