การควบคุมการกระจายแสงในโคมไฟถนน LED ตามมาตรฐาน IESNA และข้อกำหนดของกรมทางหลวง

การกระจายแสงในโคมไฟถนน LED

จากบทความก่อนหน้านี้ที่มีการกล่าวถึงมาตรฐานของโคมไฟถนนตามข้อกำหนดของกรมทางหลวง ไปแล้วนั้น ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงอีกมาตรฐานหนึ่งของโคมไฟถนน LED ที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ขับขี่และคนใช้ถนน นั่นคือ คุณสมบัติการกระจายแสง (Light Distribution) หรือการควบคุมการกระจายแสง (Control of Distribution) ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐาน IESNA

มาตรฐาน IESNA คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อมาตรฐานโคมไฟถนน

สมาคมวิศวกรรมการส่องสว่างแห่งอเมริกาเหนือ (The Illuminating Engineering Society of North America: IESNA) เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอมาตรฐานและข้อมูลทางเทคนิคที่สำคัญในด้านวิศวกรรมการส่องสว่างและการออกแบบแสงสว่าง โดยสมาคมฯ ได้ปรับปรุงการศึกษาทางด้านแสงสว่างจนเป็นที่ยอมรับในวงการอุตสาหกรรมแสงสว่าง ทั้งนี้ยังได้รวบรวมมาตรฐานด้านแสงสว่างไว้ใน IESNA Handbook และถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเนื้อหาสำคัญใน IESNA Handbook ได้แก่ พื้นฐานของระบบแสงสว่าง, การออกแบบแสงสว่าง, การใช้งานแสงสว่างในพื้นที่ต่างๆ , ปัจจัยในการออกแบบแสงสว่าง และเทคโนโลยีการควบคุมแสงสว่าง

รูปแบบการควบคุมการกระจายแสงในโคมไฟถนน LED ตามมาตรฐานของ IESNA

การควบคุมการกระจายแสง (Control Of Distribution) หรือการตัดแสงในโคมไฟถนนทุกประเภทรวมถึงโคมไฟถนน LED ที่เป็นไปตามมาตรฐาน IESNA คือการควบคุมทิศทางและปริมาณแสงให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นของผู้ขับขี่ ลดการรบกวนจากแสงจ้า และลดมลภาวะทางแสง (light pollution) ดังนั้นการออกแบบลำแสงของโคมไฟถนนจึงมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งยังเป็นหนึ่งในมาตรฐานโคมไฟถนนที่กรมทางหลวงรองรับอีกด้วย

ประเภทการตัดแสงของโคมไฟถนนจะแบ่งตามลักษณะการใช้งานและประเภทของถนน โดยใช้เกณฑ์การกระจายแสงในทิศทางมุม 80 องศา และมุม 90 องศา จากแนวดิ่งลง เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน การตัดแสงของโคมไฟถนนมี 4 ประเภท ดังต่อไปนี้

                    การควบคุมการกระจายแสงในโคมไฟถนน

1. Full Cut-off คือ การตัดแสงแบบตัวตัดเต็ม 

เป็นการตัดแสงที่จะไม่มีแสงเล็ดลอดออกไปเหนือศีรษะในมุมเงย 90 องศา โคมไฟถนน LED  แบบ Full Cut-off จะมีค่าการกระจายแสงเท่ากับ 0 แคนเดลา (Candela:cd หน่วยวัดความเข้มของการส่องสว่าง ในระบบหน่วยสากล (SI)) ต่อ 1,000 ลูเมน (ค่าลูเมน (lumen: lm) คือ หน่วยวัดความสว่าง ยิ่งค่าลูเมนสูงยิ่งสว่างมาก) ที่มุม 90 องศา หรือมากกว่าจุดต่ำสุดในแนวดิ่งที่อยู่ตรงใต้โคมไฟโดยตรง (Nadir) และไม่เกิน 100 แคนเดลา ต่อ 1,000 ลูเมน (10%) ที่มุม 80 องศา หรือมากกว่าในจุดต่ำสุดในแนวดิ่งที่อยู่ตรงใต้โคมไฟโดยตรง (Nadir) 

การตัดแสงแบบ Full Cut-Off ช่วยลดแสงฟุ้งและแสงจ้าได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับถนนทางหลวงสายหลัก หรือพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูง

2. Semi Cut-Off คือ การตัดแสงแบบกึ่งตัดแสง

เป็นการตัดแสงแบบจำกัดปริมาณแสงที่ส่งออกไปในมุมเงย 90 องศา เพื่อควบคุมไม่ให้แสงฟุ้งกระจาย แต่ยังมีแสงบางส่วนที่ส่งออกไปได้ในระดับที่ต่ำกว่า เพื่อให้พื้นที่โดยรอบมีความสว่างอย่างเพียงพอ ช่วยลดเงามืดระหว่างจุดติดตั้ง และทำให้การมองเห็นบนถนนมีความต่อเนื่องมากขึ้น โคมไฟถนน LED แบบ Semi Cut-Off จะมีค่าการ กระจายแสงของโคมไฟต่อ 1,000 ลูเมนไม่เกิน 50 แคนเดลา (5%) ที่มุม 90 องศาขึ้นไป และความเข้มข้นของการส่องสว่างต่อ 1,000 ลูเมนของหลอดไฟไม่เกิน 200 แคนเดลา (20%) ที่มุมแนวตั้ง 80 องศา หรือมากกว่าจุดต่ำสุดในแนวดิ่งที่อยู่ตรงใต้โคมไฟโดยตรง (Nadir) 

การตัดแสงแบบ Semi Cut-off เป็นรูปแบบการตัดแสงที่ความสว่างและการลดแสงรบกวนพอดีกัน เหมาะสำหรับถนนในเขตชุมชน ทำให้แสงไม่แยงตาผู้ขับขี่  

 3. Cut-off คือ การตัดแสงแบบตัวตัด 

เป็นการจำกัดแสงในมุมเงย 80 องศา และมีการควบคุมปริมาณแสงที่ส่งออกไปในมุมเงยสูงกว่านั้น กล่าวคือโคมไฟถนน LED ตามมาตรฐานที่มีการตัดแสงแบบ Cut-off จะมีค่าการกระจายแสงของโคมไฟต่อ 1,000 ลูเมนไม่เกิน 25 แคนเดลา (2.5%) ที่มุม 90 องศา หรือมากกว่าจุดต่ำสุดในแนวดิ่งที่อยู่ตรงใต้โคมไฟโดยตรง (Nadir) และไม่เกิน 100 แคนเดลา ที่มุม 80 องศา หรือมากกว่าจุดต่ำสุดในแนวดิ่งที่อยู่ตรงใต้โคมไฟโดยตรง (Nadir)  

การตัดแสงแบบ Cut-Off ยังควบคุมการกระจายแสงด้านข้างได้ดี ช่วยลดแสงรั่วและแสงจ้าที่อาจรบกวนสายตาผู้ขับขี่ จึงเหมาะสำหรับถนนสายรองหรือถนนรอบเมือง ที่ต้องการควบคุมแสงให้เป็นระเบียบ ลดมลภาวะทางแสง และเพิ่มทัศนวิสัยที่ดีในที่แสงน้อย 

4. Non Cut-off คือ การกระจายแสงแบบไม่ตัด

เป็นการออกแบบแสงสว่างที่ไม่มีการจำกัดแสงในมุมเงย 90 องศา แสงจากโคมไฟลักษณะนี้จึงอาจเล็ดลอดขึ้นด้านบนได้มากที่สุด และไม่มีข้อกำหนดที่จำกัดค่าความเข้มของแสง (Candela) แม้จะเกินค่าสูงสุดก็ตาม  

ดังนั้นการกระจายแสงแบบ Non Cut-off จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความสว่างโดยรอบมากกว่าความเข้มเฉพาะจุด เช่น ซอยที่พักอาศัย สวนสาธารณะ ลานกิจกรรม หรือพื้นที่เปิดโล่งที่ต้องการแสงส่องสว่างทั่วถึง 

ประโยชน์การควบคุมการกระจายแสงในโคมไฟถนน LED 

การควบคุมการกระจายแสงหรือการ Cut-off ในโคมไฟถนน LED ตามมาตรฐานของกรมทางหลวง คือ การจำกัดมุมตกกระทบของแสงเพื่อไม่ให้ส่องสว่างเกินความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน มีข้อดีดังต่อไปนี้

1. ช่วยควบคุมทิศทางแสง

แสงแบบ Non Cut-off หรือการกระจายแสงแบบไม่ตัด ทำให้แสงกระจายไปทั่วทุกทิศทาง แม้แต่ทิศทางที่ไม่จำเป็น ซึ่งอาจทำให้เกิดแสงจ้าแยงตา เป็นอันตรายอย่างมากต่อทั้งผู้ขับขี่รถและผู้สัญจรไปมา แต่โคมไฟถนน LED ที่มีการตัดแสงแบบ Cut-Off จะช่วยจำกัดและควบคุมทิศทางของแสงให้เป็นไปตามความต้องการ

2. ช่วยควบคุมปริมาณแสง

แสงแบบ Non Cut-off หรือการกระจายแสงแบบไม่ตัดทำให้มีปริมาณแสงที่ส่องออกมามากเกินไป แต่แสงที่มีการตัดแสงหรือ Cut-off ปริมาณแสงที่ออกมาจะถูกควบคุมให้เหมาะสมและเพียงพอสำหรับการใช้งานในโคมไฟถนน LED มาตรฐาน

3. ประหยัดพลังงาน

โคมไฟถนน LED ที่มีการตัดแสงแบบ Cut-off จะให้ปริมาณแสงที่เหมาะสมพอดีต่อการใช้งาน จึงช่วยประหยัดไฟและประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โคมไฟถนน LED มาตรฐาน ที่กรมทางหลวงพิจารณาว่าเหมาะสำหรับถนนที่ต้องการความปลอดภัยสูง คือการกระจายแสงหรือตัดแสงแบบตัวตัดเต็ม (Full Cut-off) เพราะควบคุมทิศทางและปริมาณแสงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการติดตั้งบนทางหลวงและถนนสาธารณะ 

หากคุณคือผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ หลอดไฟ LED หรือ โคมไฟถนน LED บริษัท วินเนอร์ ไลท์ คอเปอร์เรชั่น จำกัด  มีสินค้าครบครัน ทั้งโคมไฟถนน LED มาตรฐาน และหลอดไฟคุณภาพสูงอีกหลากหลายรุ่น มาพร้อมมาตรฐานความปลอดภัยและราคาที่ยุติธรรม สนใจคลิกเลย!

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616

Email: sale_wlc@winnerlight.co.th
Facebook: www.facebook.com/bangbonstation