หากนึกถึงโคมไฟถนนที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันหลายคนอาจนึกถึงแค่ โคมไฟถนน LED แต่ที่จริงแล้วยังมีโคมไฟหลายประเภทและใช้หลอดไฟหลายชนิด อีกทั้งกรมทางหลวงยังมีข้อกำหนดที่ไม่ใช่แค่เพียงค่าความสว่างเท่านั้น แต่เพื่อความปลอดภัย ความง่ายต่อการดูแลรักษาและอายุการใช้งานที่ต้องได้มาตรฐานด้วย
มาตรฐานกรมทางหลวงสำหรับการติดตั้งโคมไฟถนน
มีขึ้นเพื่อทัศนวิสัยที่เหมาะสมสำหรับการขับขี่ในสภาพการจราจรบนท้องถนนแต่ละประเภท ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุและสร้างความปลอดภัยในระยะยาว โดยมีมาตรฐานต่างๆ ดังนี้
1. ค่าความเข้มข้นของแสง
กรมทางหลวงได้กำหนดค่าความเข้มของแสงจากโคมไฟถนนที่ตกกระทบบนพื้นผิวถนนต่อหนึ่งตารางเมตรมีหน่วยเป็น “ลักซ์ (Lux)” ดังนี้
-
- ทางหลวงพิเศษ (Motorway) ควรมีค่าความเข้มของแสง 15–22 ลักซ์
- ทางหลวงสายหลัก ควรมีค่าความเข้มของแสง 10–15 ลักซ์
- ทางหลวงสายรอง ควรมีค่าความเข้มของแสง 7–10 ลักซ์
- ถนนในเขตชุมชน ควรมีค่าความเข้มของแสง 5–10 ลักซ์
- ทางเท้า ควรมีค่าความเข้มของแสง 3–5 ลักซ์
- จุดที่มีความเสี่ยงเป็นพิเศษ เช่น ทางแยก ทางกลับรถ ควรมีค่าความเข้มของแสงสูงกว่ามาตรฐานของถนนปกติ
2. ความสูงของเสาไฟและระยะห่างระหว่างเสาไฟ
กรมทางหลวงได้กำหนดมาตรฐานความสูงของเสาไฟเพื่อติดตั้งโคมไฟถนน ตามสถานที่ต่างๆ ดังนี้
-
- ทางเท้าและพื้นที่ชุมชน เสาไฟควรมีความสูง 4-7 เมตร
- ถนนขนาดเล็กถึงกลาง เสาไฟควรมีความสูง 7-9 เมตร
- ถนนขนาดใหญ่หรือทางหลวงพิเศษ เสาไฟควรมีความสูง 9-12 เมตรขึ้นไป
ในส่วนของระยะห่างระหว่างเสาไฟจะพิจารณาจากความสูงของเสาไฟและมุมกระจายแสงของโคมไฟ ดังนี้
-
- ถนนสายหลัก เสาไฟควรมีระยะห่างกัน 30-40 เมตร
- ถนนสายรอง เสาไฟควรมีระยะห่างกัน 35-45 เมตร
- ทางเท้า เสาไฟควรมีระยะห่างกัน 20-25 เมตร
- ถนนมีความกว้างมาก อาจติดตั้งเสาไฟแบบสลับซ้ายขวา หรือติดตั้งทั้งสองข้างถนน เพื่อให้แสงไฟกระจายทั่วถึง
3. คุณสมบัติและมาตรฐานต่างๆ
โคมไฟถนน ที่ได้มาตรฐานกรมทางหลวงต้องมีคุณสมบัติตรงตามมาตรฐานวิศวกรรมและความปลอดภัย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
-
- ผ่านการรับรอง มอก. หรือมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐานจาก IEC (International Electrotechnical Commission), RoHS, ISO มี Surge Protection
- รองรับการติดตั้งร่วมกับระบบ Smart Lighting หรือระบบควบคุมการเปิดปิดอัตโนมัติ
- ติดตั้งระบบสายดินและการป้องกันไฟรั่วอย่างเหมาะสม
ประเภทของหลอดไฟที่นิยมใช้ทำโคมไฟถนน
ปัจจุบันโคมไฟถนนได้รับการพัฒนาให้มีหลายรูปแบบ เพื่อรองรับการใช้งานในพื้นที่ต่างๆ โดยแต่ละประเภทมีจุดเด่นด้านประสิทธิภาพ ความคุ้มค่า พลังงาน และอายุการใช้งาน รวมทั้งค่าบำรุงรักษาที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือประเภทของหลอดไฟที่นิยมใช้ในโคมไฟถนนในปัจจุบัน
1. โคมไฟถนนโซล่าเซลล์ (Solar Street Light)
ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการชาร์จแบตเตอรี่เพื่อเปิดไฟในตอนกลางคืน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ โคมไฟถนนโซล่าเซลล์ที่มีระบบแบตเตอรี่แยก มีแผงโซล่าเซลล์ขนาดใหญ่ และโคมไฟถนนที่มีโซล่าเซลล์ติดอยู่ด้านบน
จุดเด่นของโคมไฟถนนโซล่าเซลล์ คือ ประหยัดพลังงาน ไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้ารายเดือน เพราะใช้แสงอาทิตย์ ทั้งยังเปิดปิดอัตโนมัติตามแสงสว่าง ไม่ต้องเดินสายไฟให้ยุ่งยาก แต่โคมไฟถนนโซล่าเซลล์มีข้อจำกัด คือ ปริมาณแสงขึ้นอยู่กับแสงอาทิตย์ และแบตเตอรี่เสื่อมตามกาลเวลา เหมาะกับพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง ลานจอดรถ หรือทางสาธารณะ
2. โคมไฟถนน LED (LED Street Light)
เป็นโคมไฟถนนยอดนิยมในปัจจุบัน มีจุดเด่นเรื่องประหยัดพลังงาน และให้ค่าความสว่างสูง อายุการใช้งานยาวนาน ใช้เวลาในการเปิดน้อยกว่า และให้ความร้อนน้อยกว่าหลอดไฟประเภทอื่น แต่อาจมีข้อจำกัดคือ เรื่องราคา เหมาะกับใช้เป็นโคมไฟถนนบนถนนหลัก หรือพื้นที่สาธารณะ
3. โคมไฟถนนหลอดไฟความดันสูง (High Intensity Discharge)
เรียกสั้นๆ ว่าหลอดไฟ HID เป็นหลอดไฟที่ใช้การปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อทำให้เกิดแสงสว่าง เป็นอีกประเภทหลอดไฟที่ได้รับความนิยมนำมาใช้ในโคมไฟถนนเพราะมีอายุใช้งานยาวนาน ให้แสงสว่างจ้า และค่าความสว่างถูกต้องแม่นยำ แต่ข้อจำกัด คือ ราคาแพง และมีขนาดใหญ่ ประเภทของหลอดไฟความดันสูงที่ได้รับความนิยม ได้แก่
-
- โคมไฟถนนหลอดไฟเมทัลฮาไลด์ (Metal Halide Street Light)
เป็นเทคโนโลยีไฟประเภท HID (High-Intensity Discharge) ใช้กระแสไฟฟ้าแรงสูงเพื่อสร้างแสงสว่างที่ใกล้เคียงกับแสงอาทิตย์มากที่สุด เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างมาก เช่น สนามกีฬา โรงงาน แต่มีข้อจำกัด คือ ใช้พลังงานสูง จึงทำให้อายุการใช้งานโคมไฟถนนเมทัลฮาไลด์สั้นกว่าเมื่อเทียบกับหลอดไฟ LED จึงต้องหมั่นบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนบ่อยกว่า
-
- โคมไฟถนนหลอดไฟโซเดียมแรงดันสูง (High Pressure Sodium – HPS)
เรียกสั้นๆ ว่าหลอดไฟ HPS ให้แสงสีส้มอมเหลือง และให้แสงสว่างในระยะไกล จึงเหมาะกับพื้นที่โล่งหรือถนนที่เป็นสายยาวๆ แม้ว่าจะมีราคาถูก แต่ก็มีข้อจำกัดที่ชัดเจน คือ การใช้พลังงานสูง อายุการใช้งานสั้นกว่าเทคโนโลยีใหม่อย่างหลอดไฟ LED รวมถึงมีค่าความถูกต้องของสีหรือ CRI ต่ำ ทำให้การแสดงสีของวัตถุไม่สมจริง
4. โคมไฟถนนแบบไฮบริด (Hybrid Street Light)
เป็นโคมไฟถนน ที่ทำงานด้วยระบบโซล่าเซลล์และไฟฟ้ากระแสหลัก (AC) โดยระบบจะเลือกใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ก่อนแล้วจึงสลับไปใช้ไฟบ้านเมื่อแบตเตอรี่หมด ทำให้มีจุดเด่นที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง อาจกล่าวได้ว่าเป็นโคมไฟถนนที่ไม่มีวันดับเลยก็ว่าได้ จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างตลอดเวลาในยามค่ำคืน เช่น ถนนในเมืองใหญ่ ทั้งยังประหยัดพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย แต่มีข้อจำกัด คือ ราคาสูงและระบบติดตั้งซับซ้อน
5. โคมไฟถนนแบบฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent)
เป็นอีกหนึ่งประเภทของหลอดไฟที่ยังคงได้รับความนิยม เนื่องจากมีขนาดกะทัดรัด ปัจจุบันนิยมขนาด T8 เป็นหลอดไฟที่หาซื้อง่าย ราคาย่อมเยา เหมาะใช้กับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงงาน โกดังสินค้า สำหรับข้อจำกัดของหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ คือ มีอัตราการกินไฟค่อนข้างสูงจากการสูญเสียพลังงานความร้อนบางส่วนที่ไม่ได้ถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานแสง ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นกว่าหลอด LED อย่างเห็นได้ชัด
จะเห็นได้ว่าโคมไฟถนน ที่ได้มาตรฐานจากกรมทางหลวง นั้นให้ความสำคัญกับความสว่าง ความปลอดภัย และมาตรฐานการติดตั้ง ขณะเดียวกันการเลือกใช้ โคมไฟถนน led คุณภาพสูงที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน IEC หรือ มอก. ก็ช่วยให้การใช้งานมีประสิทธิภาพและปลอดภัยในระยะยาว
หากคุณคือผู้ประกอบการที่ต้องการใช้ หลอดไฟ LED จำนวนมาก บริษัท วินเนอร์ ไลท์ คอเปอร์เรชั่น จำกัด มีสินค้าประเภท หลอดไฟ LED โคมไฟถนน โคมไฟถนน LED และอื่นๆ มาพร้อมความหลากหลายของสินค้าและคุณภาพที่น่าพอใจ รอให้คุณสั่งซื้อ เราพร้อมให้บริการในราคายุติธรรม สนใจคลิกเลย!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616
Email: sale_wlc@winnerlight.co.th
Facebook: www.facebook.com/bangbonstation

