25 วิธีประหยัดพลังงาน ทำได้ง่าย ๆ มีอะไรบ้าง?

25 วิธีประหยัดพลังงาน ทำได้ง่าย ๆ

พลังงานถือเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป โดยเฉพาะเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แม้ว่าปัจจุบันจะมีการส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกจากแหล่งหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม หรือน้ำ แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะเพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันและอนาคต

ด้วยเหตุนี้ การประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นแนวทางสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รวมถึงเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมได้ง่าย ๆ บทความนี้จึงจะพาไปดูว่า การประหยัดพลังงาน มีอะไรบ้าง ที่เราสามารถเริ่มต้นได้จากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของเราเอง

การประหยัดพลังงาน มีความสำคัญอย่างไร?

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกด้าน การใช้พลังงานจึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพลังงานแบบใช้แล้วหมดไป เช่น น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ขณะที่พลังงานทางเลือกอย่างแสงอาทิตย์ ลม หรือเขื่อน ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เพียงพอ

ด้วยข้อจำกัดของทรัพยากรเหล่านี้ แนวคิดการประหยัดพลังงานจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เพียงเพื่อลดต้นทุนและการใช้ทรัพยากร แต่ยังช่วยชะลอปัญหาพลังงานในอนาคต และบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

25 วิธีประหยัดพลังงาน มีอะไรบ้าง?

สำหรับวิธีประหยัดพลังงานแบบง่าย ๆ ที่เราทุกคนสามารถทำได้นั้น จะมีทั้งหมด 25 วิธี ดังนี้

1. ปิดสวิตช์ / ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อเลิกใช้งาน

เมื่อไม่ได้ใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า ควรปิดเครื่องและถอดปลั๊กออก เพื่อหลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองไฟฟ้าโดยไม่จำเป็น เพราะแม้จะไม่ได้เปิดเครื่อง แต่การเสียบปลั๊กค้างไว้จะทำให้ไฟฟ้าไหลเวียนอยู่ตลอด และกินไฟเพิ่มขึ้น

2. เลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 

ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 คือสัญลักษณ์แสดงว่าสินค้านั้นผ่านการรับรองด้านประสิทธิภาพการใช้พลังงานจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินค้านั้นประหยัดไฟและมีอายุการใช้งานยาวนาน

3. เลือกใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน LED 

เมื่อเทียบกับหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเดิมในระดับความสว่างเท่ากัน หลอดไฟ LED จะใช้พลังงานน้อยกว่าประมาณ 50% ปล่อยความร้อนน้อยกว่า และมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 15,000–50,000 ชั่วโมง

4. เปิดแอร์ในอุณหภูมิที่เหมาะสม 

การตั้งอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เย็นเกินไปจะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักและกินไฟมากขึ้น ควรตั้งไว้ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ดี

5. ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศสม่ำเสมอ 

หากเปิดแอร์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ฝุ่นและสิ่งสกปรกอาจสะสมในแผ่นกรอง พัดลม หรือคอยล์ร้อน-เย็น ทำให้แอร์ทำงานหนัก กินไฟมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่กระทบต่อสุขภาพ จึงควรล้างแอร์ทุก 4–6 เดือน เพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงานและสุขอนามัยภายในบ้าน

6. ติดฉนวนกันความร้อน

การติดฉนวนกันความร้อนจะช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกห้อง และลดการทำงานหนักของแอร์ ส่งผลให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น

7. เลือกตู้เย็นให้เหมาะสมกับขนาดครอบครัว

ควรเลือกขนาดตู้เย็นให้เหมาะสมกับจำนวนคนในบ้าน รวมถึงการใช้งานในชีวิตประจำวัน เพื่อช่วยลดค่าไฟส่วนเกิน นอกจากนี้ การเลือกตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟ และเป็นระบบ Inverter ยังช่วยประหยัดพลังงานได้ในระยะยาว

8. ใช้เตาแก๊สหุงต้ม แทนเตาไฟฟ้า

แม้เตาไฟฟ้าจะใช้งานสะดวกโดยไม่ก่อมลพิษ แต่ก็กินไฟมากพอสมควร ในทางกลับกัน เตาแก๊สซึ่งใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลกลับคุ้มค่ากว่าสำหรับการทำอาหารเป็นประจำ ทั้งในแง่ประสิทธิภาพ การควบคุมความร้อน และการปล่อยมลพิษที่ต่ำกว่า หากเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ต้องพิจารณาความปลอดภัยของหัวเตาและระบบแก๊สด้วย

9. เปิดหน้าต่างรับแสงและลมธรรมชาติ

การทำให้ห้องเย็นลงนั้น ไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์เสมอไป โดยเฉพาะช่วงเช้าที่แดดยังไม่แรง การเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติจะช่วยถ่ายเทความร้อนออกจากห้อง และยังช่วยให้ห้องสว่างขึ้นโดยไม่ต้องเปิดไฟ พร้อมทั้งอาจเปิดพัดลม เพื่อช่วยให้อากาศหมุนเวียนได้ดีขึ้น

10. ปลูกต้นไม้รอบ ๆ อาคาร / บ้านเรือน

ร่มเงาจากต้นไม้ช่วยกรองแสงและลดความร้อนจากแสงแดดได้ดีกว่าพื้นที่โล่ง นอกจากนี้ การคายน้ำของใบไม้ยังช่วยลดอุณหภูมิบริเวณโดยรอบ ทำให้สภาพแวดล้อมเย็นลงอย่างเป็นธรรมชาติ

11. หมั่นตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำ

เราอาจกำลังปล่อยน้ำไหลทิ้งวันละหลายลิตรโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสาเหตุหลักอาจมาจากการปิดก๊อกน้ำไม่สนิท หรือเกิดรอยรั่วในระบบท่อประปา เราสามารถตรวจสอบได้โดยดูการไหลของมิเตอร์น้ำ คราบน้ำ และเสียงน้ำไหลผิดปกติในจุดที่มีการเดินท่อ

12. ไม่เปิดน้ำทิ้งไว้

หากเราปิดน้ำทุกครั้งเมื่อไม่ได้ใช้ จะช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำได้ ยกตัวอย่างเช่น การแปรงฟัน 1 ครั้ง ใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที ถ้าเปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา อาจสูญเสียน้ำมากถึง 20-30 ลิตร ในขณะที่การแปรงฟันโดยใช้แก้วรองน้ำ จะใช้เพียง 0.5-1 ลิตรเท่านั้น

13. ใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ

การเปลี่ยนสุขภัณฑ์ เช่น ฝักบัวหรือก๊อกที่ถูกออกแบบให้ประหยัดน้ำ จะช่วยให้เราใช้น้ำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หากเป็นก๊อกน้ำแบบมีตัวจับเวลา เราจะสามารถควบคุมปริมาณน้ำต่อครั้งและป้องกันการลืมปิดก๊อกได้

14. ใช้ฝักบัวรดน้ำ แทนการใช้สายยาง

การรดน้ำด้วยฝักบัวเป็นวิธีใช้น้ำได้คุ้มค่ากว่า เพราะฝักบัวที่กว้างและมีรูเล็ก ๆ จะช่วยให้ใช้น้ำน้อยกว่าแต่รดได้ทั่วถึงกว่าการใช้สายยางซึ่งไหลตามแรงดันอย่างต่อเนื่องจนกว่าก๊อกจะถูกปิด

15. เปิดน้ำซักผ้าแค่พอใช้

การซักผ้า เป็นงานบ้านที่ใช้น้ำต่อครั้งในปริมาณมาก เพราะต้องซักเสื้อผ้าทีละหลาย ๆ ชิ้น แต่เราลดการใช้น้ำเกินจำเป็นได้ ด้วยการปรับปริมาณน้ำให้พอดีกับผ้าในครั้งนั้น ๆ

16. หมั่นเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ

ปริมาณลมในล้อรถ มีความสัมพันธ์กับแรงต้านการหมุนและการทำงานของเครื่องยนต์ หากลมยางอ่อนเกินไป แรงต้านก็จะเพิ่ม ส่งผลให้เครื่องยนต์กินน้ำมัน ทำให้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น ทั้งนี้ปริมาณลมยางที่เหมาะสม ควรมีแรงดันลมประมาณ 30-35 psi

17. สับเปลี่ยนยางตามกำหนด

เมื่อเราใช้งานยางรถยนต์ไปนาน ๆ ดอกยางก็จะเกิดการสึก มีผลต่อการรับน้ำหนักและแรงเสียดทาน การสับเปลี่ยนตำแหน่งยางจะช่วยให้ยางสึกเท่า ๆ กัน และยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสมดุลยาง ลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันได้

18. ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่จอดนาน

แม้จะไม่มีการเหยียบคันเร่ง แต่เครื่องยนต์ก็ยังคงใช้น้ำมันอยู่ เพราะมีการจุดระเบิดตลอดเวลา หากดับเครื่องเมื่อต้องจอดนาน ๆ จะช่วยลดการใช้น้ำมันกับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ ปัจจุบัน รถและจักรยานยนต์รุ่นใหม่ มาพร้อมระบบ ISS (Idling Start Stop System) เพื่อช่วยดับเครื่องอัตโนมัติเมื่อต้องจอด โดยใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาหล่อเลี้ยงระบบแทน

19. เช็กเครื่องยนต์ตามกำหนด

เพื่อให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรมีการตรวจสภาพเพื่อหาความผิดปกติต่าง ๆ หลังใช้งานครบตามระยะทาง ช่วยป้องกันการสึกหรอ ให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มที่ ลดการกินน้ำมัน และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากความผิดพลาดของเครื่องยนต์

20. ไม่บรรทุกน้ำหนักเกินขีดจำกัด

น้ำหนักบรรทุกของรถส่งผลต่อการทำงานของเครื่องยนต์ หากบรรทุกหนักเกินไป เครื่องยนต์ต้องทำงานมากขึ้น ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้น หากมีสิ่งของที่ไม่จำเป็น ควรนำออกจากรถ เช่น น้ำดื่มยกแพ็ก กล่องเครื่องมือขนาดใหญ่ หรืออะไหล่เก่า ๆ ทั้งนี้ จำนวนผู้โดยสารที่มากเกินไปก็อาจทำให้น้ำหนักของรถเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน

21. ใช้กระดาษให้คุ้มค่า

กระดาษเป็นวัสดุที่ยิ่งใช้เยอะก็ยิ่งเกิดขยะมากขึ้น อีกทั้งการผลิตกระดาษยังใช้ทรัพยากรไม้และน้ำจำนวนมาก หากเราใช้กระดาษให้คุ้มค่าที่สุด ทั้งการเขียนสองหน้า, นำกระดาษกลับมาใช้ในรูปแบบอื่น หรือเปลี่ยนไปใช้ระบบดิจิทัลแทน จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดปริมาณขยะ ซึ่งอาจปล่อยก๊าซเรือนกระจกหากกำจัดไม่ถูกวิธี

22. แยกประเภทขยะ

ขยะบางประเภทไม่สามารถย่อยสลายหรือกำจัดได้เหมือนขยะทั่วไปหรือขยะอินทรีย์ การคัดแยกขยะอย่างเหมาะสมจะช่วยให้กระบวนการกำจัดทำได้ง่ายและปลอดภัยขึ้น อีกทั้งขยะบางชนิดยังสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้

23. ใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์

การขึ้นลงบันไดจะช่วยประหยัดพลังงานและเวลาได้มากกว่า หากต้องเดินทางระหว่างชั้นที่อยู่ติดกัน เพราะลิฟต์ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 0.5–1 กิโลวัตต์ต่อครั้ง ขณะที่การเดินขึ้นลงบันไดใช้เวลาใกล้เคียงกันโดยไม่ต้องใช้ไฟฟ้า อีกทั้งยังช่วยออกกำลังกายไปในตัว

24. งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยากต่อการทำลาย

ขยะจากวัสดุประเภทโฟม พลาสติก และวัสดุสังเคราะห์ต่าง ๆ ใช้เวลาย่อยสลายตามธรรมชาตินานหลายร้อยถึงพันปี และหากกำจัดไม่ถูกวิธีก็อาจปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เราสามารถลดขยะเหล่านี้ได้โดยหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุดังกล่าว แล้วหันมาใช้วัสดุทดแทนหรือเลือกใช้ซ้ำแทนการใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง

25. เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน

เราสามารถสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานร่วมกับผู้อื่นได้ ผ่านโครงการหรือกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน

จากที่กล่าวมาทั้งหมด คือ 25 วิธีประหยัดพลังงานแบบง่าย ๆ ที่เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพื่อสร้างกิจวัตรและแนวคิดในการลดการใช้พลังงาน อันเป็นการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่หากทุกคนร่วมมือกัน ทั้งในระดับชุมชน ประเทศ และภูมิภาค ก็สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกของเราได้อย่างยั่งยืน ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของคนรุ่นต่อไป

นอกจากนี้ การใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน และระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ยังเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ในระยะยาว เพราะนอกจากจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าอีกด้วย

Winner Light ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย พร้อมบริการติดตั้งเสาไฟถนน โคมไฟถนน เสาไฟถนนโซลาร์เซลล์ ซึ่งครองใจลูกค้ามาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ ที่พร้อมตอบโจทย์มาตรการประหยัดพลังงานได้อย่างครอบคลุม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616
Facebook: www.facebook.com/bangbonstation