มนุษย์ได้ตระหนักรู้และพยายามแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในความสำเร็จของเทคโนโลยีประหยัดพลังงานเองก็พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของคนในเวลานี้ที่กำลังเผชิญหน้ากับสภาวะโลกเดือด และต้องการหยุดการใช้พลังงานสิ้นเปลืองเสียที ถึงแม้บางเทคโนโลยีจะยังไม่ถูกนำมาใช้งานเป็นพื้นฐานในทุกภาคส่วน แต่เทคโนโลยีประหยัดพลังงานก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไปแล้ว
หากมองไปรอบตัวจะเห็นได้ว่ารอบข้างเราต่างก็มีคนหันมาสนใจใช้พลังงานสะอาดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทั้งการใช้หลอดไฟ LED ระบบไฟฟ้าอัตโนมัติ รถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงหลังคาโซลาร์เซลล์ที่เริ่มใช้กันแพร่หลายในครัวเรือน ไปจนถึงโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเองก็มีมากจนสามารถพบเห็นได้เป็นปกติ บทความนี้จึงอยากเชิญชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีประหยัดพลังงานทั้ง 11 ข้อที่จะช่วยลดโลกร้อนได้อย่างชาญฉลาด
เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน คืออะไร?
เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน คือ นวัตกรรมที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากธรรมชาติให้ได้มากที่สุด และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด เป้าหมายคือเพื่อให้มนุษย์และสิ่งแวดล้อมอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน ภายใต้ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่จะช่วยสนับสนุนแนวทางสำคัญในการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
11 เทคโนโลยีประหยัดพลังงาน มีอะไรบ้าง?
เทคโนโลยีด้านพลังงาน มีอะไรบ้าง? สามารถแบ่งออกได้ 11 ข้อ ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้
1. บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy at Home)
เทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาเรียกว่า หลังคาโซลาร์เซลล์ หรือ โซลาร์รูฟท็อป เพื่อเปลี่ยนพลังงานจากแสงอาทิตย์ให้กลายเป็นระบบผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ในครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยลดมลพิษทางอากาศ แต่ยังเป็นการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่า และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้าได้อีกด้วย ปัจจุบันเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย
2. ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farms)
อีกหนึ่งนวัตกรรมของการพัฒนาเทคโนโลยีการประหยัดพลังงานในการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่รูปแบบที่โล่งกว้าง สำหรับแปลงพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า มีลักษณะคล้ายฟาร์ม เพราะต้องใช้พื้นที่กว้างสำหรับการผลิตจำนวนมหาศาล แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. โซลาร์ฟาร์มแบบยึดอยู่บนพื้นดิน (Ground Mount System) 2. โซลาร์ฟาร์มแบบลอยน้ำ (Floating System) และ 3. โซลาร์ฟาร์มแบบหมุนตามดวงอาทิตย์ (Tracking System)
3. บ้านพลังงานลม (Wind Power at Home)
นวัตกรรมที่นำกังหันลมขนาดเล็กมาใช้กับที่พักอาศัยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งมีกังหันลมเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแรงลมที่พัดผ่านให้เป็นพลังงานจลน์ ส่งต่อไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำหรับผลิตกระแสไฟฟ้าต่อไป
โดยกำลังการผลิตขึ้นอยู่กับปริมาณลมตามแต่ละพื้นที่ หากที่ใดมีลมมากก็จะสามารถผลิตได้สูงสุดถึง 100 กิโลวัตต์ ซึ่งเหมาะสำหรับการผลิตไฟฟ้าในครัวเรือน ธุรกิจขนาดย่อม โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือพื้นที่ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 100 กิโลวัตต์
4. ฟาร์มกังหันลม (Wind Farms)
การนำนวัตกรรมจากพลังงานลมมาต่อยอด โดยใช้กังหันลมขนาดใหญ่จำนวนมากในพื้นที่โล่งกว้าง มาแปลงการเคลื่อนไหวของลมให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาลให้เพียงพอต่อการใช้งานของมนุษย์
อีกทั้งยังช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล และช่วยลดมลภาวะที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนอีกด้วย โดยแบ่งประเภทของฟาร์มตามทำเลที่ตั้งออกเป็น 3 ประเภท คือ 1. ฟาร์มกังหันลมบนบก 2. ฟาร์มกังหันลมใกล้ชายฝั่ง และ 3. ฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง
5. พลังงานนิวเคลียร์ (Nuclear Power)
พลังงานสะอาดที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ด้วยกระบวนการต้มน้ำร้อนที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน (Nuclear Fission) ให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำแล้วใช้กังหันไอน้ำแปลงให้เป็นพลังงานไฟฟ้า ซึ่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าพลังงานประเภทอื่น เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ หรือแม้แต่พลังงานลม
อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจากอุบัติเหตุนิวเคลียร์ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวัง ผู้เชี่ยวชาญจึงเร่งพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างมั่นคง

6. รถพลังงานไฟฟ้า (Electric Cars)
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดแบบเห็นได้ชัด ปัจจุบันผู้ใช้รถใช้ถนนไม่มีใครไม่รู้จักรถพลังงานไฟฟ้า หรือที่เรียกกันว่ารถ EV ทำงานโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ขับเคลื่อนรถยนต์ให้ใช้งานได้ โดยจะมีทั้งแบบที่ใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งหมด และแบบผสมผสานระหว่างพลังงานไฟฟ้ากับน้ำมันหรือที่เรียกว่ารถ Hybrid นั่นเอง
7. รถพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Vehicles)
รถพลังงานไฮโดรเจน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ FCEV (Fuel Cell Vehicle) เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สังคมกำลังให้ความสนใจไม่แพ้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จุดเด่นคือ การนำไฮโดรเจนมาแปลงเป็นกระแสไฟฟ้าเพื่อให้รถยนต์สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่น ด้วยการทำงานด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบเพื่อลดการปล่อยมลพิษทางอากาศผ่านท่อไอเสีย
ถึงแม้ตลาดรถยนต์ประเภทนี้จะยังไม่คึกคักเท่ากับกับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป แต่แนวโน้มการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานในปัจจุบันนี้ทำให้ระบบไฮโดรเจนนี้น่าสนใจไม่แพ้ระบบไฟฟ้าทั่วไป
8. พลังงานความร้อนจากใต้พิภพ (Geothermal Energy)
พลังงานสะอาดที่ดึงความร้อนจากใต้ผืนดินขึ้นมาผลิตไฟฟ้า เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างหลากหลายโดยมีหลักการทำงานคือ นำน้ำร้อนจากการซึมผ่านของความร้อนใต้เปลือกโลก ไปถ่ายเทความร้อนกับสารที่มีจุดเดือดต่ำ กระทั่งระเหยเป็นไอแล้วจึงนำไปใช้กับกังหัน เพื่อนำไปสู่การผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้าต่อไป ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกพลังงานสะอาดที่มีความผันผวนต่ำ เนื่องจากไม่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ แรงลม ฤดูกาล เหมือนกับพลังงานประเภทอื่น ๆ แต่ก็แทนที่ด้วยต้นทุนการก่อสร้างที่สูง ข้อจำกัดพื้นที่ และความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหว
9. พลังงานจากกระแสน้ำและคลื่นทะเล (Power from Flowing Water & Waves)
พลังงานจากสายน้ำซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีกังหันใต้น้ำทะเล (Hydrokinetic) อุปกรณ์ที่ช่วยเปลี่ยนพลังงานจากการไหลของน้ำที่มีทั้งรูปแบบของคลื่น กระแสน้ำ และน้ำขึ้น-น้ำลง ให้เป็นไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถึงแม้จะมีข้อจำกัดในช่วงฤดูน้ำแล้ง แต่ถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ควรค่าแก่การพัฒนาต่อไป
10. พลังงานความร้อนจากมหาสมุทร (Ocean Thermal Energy Conversion)
การแปลงพลังงานความร้อนจากมหาสมุทรให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้า เป็นระบบที่อาศัยประโยชน์ด้านความแตกต่างของอุณหภูมิน้ำในมหาสมุทรที่บริเวณผิวน้ำจะอุ่นกว่าส่วนใต้ท้องมหาสมุทร ทำให้การใช้พลังงานประเภทนี้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในขณะเดียวกันก็มีต้นทุนการผลิตที่สูงเช่นกัน

11. การใช้นวัตกรรมโคมไฟ LED และโคมไฟ Solar Cell
นอกจากการผลิตพลังงานจากแหล่งธรรมชาติขนาดใหญ่แล้ว การประหยัดพลังงานยังสามารถเริ่มต้นได้จากสิ่งใกล้ตัวที่เราใช้ในชีวิตประจำวันอย่างระบบแสงสว่าง ซึ่งก็คือ นวัตกรรมโคมไฟประหยัดพลังงานอย่าง หลอดไฟ LED (Light Emitting Diode) ที่กินไฟน้อยกว่าหลอดไฟทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด ให้ความสว่างที่เพียงพอและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากกว่า ช่วยลดทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการดูแลรักษา
นอกจากนั้น โคมไฟ Solar Cell (พลังงานแสงอาทิตย์) จะเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ที่กักเก็บไว้ในเวลากลางวัน มาเป็นพลังงานไฟฟ้าสำหรับส่องสว่างในเวลากลางคืนโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานจากการไฟฟ้า ซึ่งเป็นการใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในข้อ 1 และ 2 แต่เป็นการประยุกต์ใช้ในระดับที่เล็กลงและเข้าถึงง่ายสำหรับทั้งครัวเรือนและพื้นที่สาธารณะ
ทางเลือกแห่งอนาคตยังคงพัฒนาต่อไปไม่มีหยุดหย่อน เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม การแก้ปัญหาโลกร้อนก็ไม่ได้มีเพียงเทคโนโลยีประหยัดพลังงานทั้ง 11 ข้อเท่านั้น แต่ยังมีแนวคิดและปัจจัยอื่นที่เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน หากมนุษย์เราใช้พลังงานสะอาดควบคู่ไปกับการใส่ใจสิ่งแวดล้อมในด้านอื่น ๆ ด้วย ก็จะช่วยทำให้เราได้พึ่งพาอาศัยโลกใบนี้ไปได้อย่างยาวนาน
เทคโนโลยีประหยัดพลังงานทั้ง 11 ข้อนี้ ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์และสนับสนุน มาตรการประหยัดพลังงาน ของภาครัฐในการส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างคุณค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการนำหลอดไฟประหยัดพลังงานมาใช้ในครัวเรือน ไม่เพียงแต่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการใช้พลังงานภายในบ้านด้วยนวัตกรรมที่ให้แสงสว่างเพิ่มขึ้นแต่ใช้พลังงานลดลง อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและส่งผลต่อการประหยัดพลังงานได้ในระยะยาวอีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทรศัพท์ : 02-415-7576-7, 081-880-6616
Facebook: www.facebook.com/bangbonstation